ความหมายและความเป็นมาของภาษา HTML
HTML ย่อมาจากคำว่า HyperText Markup Language
เป็นภาษาหลักในการสร้างเว็บเพจ
โดยมีแนวคิดจากการสร้างเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext Document : ข้อความในเอกสารที่เชื่อมโยงถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้)
ซึ่งพัฒนามาจากภาษา SGML
(Standard Generalized Markup Language) โดย Tim Berners-Lee ใน ปี ค.ศ.1990 ซึ่งใช้ในระบบของ CERN (Conseil Europeen pour la Recherche Nucleaire) เบื้องต้นได้เริ่มใช้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นก็ได้แพร่ขยายออกไป ระบบนี้ได้ถูกตั้งชื่อว่า
World Wide Web ( WWW
) ที่เรารู้จักกันมาจนถึงปัจจุบัน
ภาษา HTML ได้รับการพัฒนาและนำไปใช้อย่างแพร่หลายจึงทำให้เกิดมาตรฐานในเวอร์ชั่นต่างๆ
ดังนี้
HTML 1.0
|
เกิดขึ้นในปี
ค.ศ.1993 โดย Tim Berners-Lee และ Dave Raggett ได้กำหนดให้เอกสาร
HTML ที่ได้พัฒนาขึ้นแม้จะเขียนมาตรฐานใด
ๆ ก็ตาม ต้องสามารถอ่านได้
|
HTML 2.0
|
เกิดขึ้นในปี
ค.ศ. 1995 โดย IETF (Internet Engineering
Task ForceX) ซึ่งมุ่มหวังให้สามารถ
เปิดแสดงผลกับบราวเซอร์ที่ใช้งานทั่วไปได้
|
HTML 3.0
|
เกิดขึ้นในปี
ค.ศ. 1995 ได้พัฒนา
HTML ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น
โดยเพิ่มการทำงานที่เกี่ยวกับตาราง การปรับข้อความล้อมรอบภาพ
และแสดงส่วนที่มีความสับซ้อนได้ดีขึ้น
รวมทั้งช่วยให้เบราว์เซอร์ย้อนกลับไปดูเว็บเพจหน้าที่ผ่านมาหรือหน้าที่เคยเข้าชมมาก่อนหน้า
ได้ดีกว่าเวอร์ชั่น 2.0
หรือที่ี่เรียกว่า Backward
|
HTML 3.2
|
เกิดขึ้นในปี
ค.ศ. 1996 ได้มีการเพิ่มคำสั่งและคุณสมบัติต่าง
ๆ ที่สามารถทำงานร่วมกับหลาย ๆ เบราว์เซอร์ได้มากขึ้น
และมีชื่อเรียกโค้ดแบบนี้ว่า "Wibur"
|
HTML 4.0
|
เกิดขึ้นในปี
ค.ศ. 1997 องค์กรกลางที่ชื่อว่า
W3C (The World Wide
Web Consortium) ได้มีการพัฒนาและดูแลมาตรฐานของภาษา
HTML เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี WWW ให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้นโดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย Style Sheet , Frame
, การฝั่งออบเจคต์ของโปรแกรมเสริมเพื่อแสดงภาพและเสียง
การสร้างฟอร์ม และการใช้งานร่วมกับภาษา Script ต่าง ๆ
|
HTML 4.01
|
เกิดขึ้นในปี
ค.ศ. 1997 มีการปรับปรุงข้อผิดพลาดต่าง
ๆ ให้ดีขึ้น
หลังจาก HTML
4.01 องค์กร W3C ได้หยุดพัฒนา HTML โดยเปลี่ยนไปพัฒนาภาษามาตรฐานใหม่ที่ชื่อว่า
XHTML เพื่อใช้ใน
การสร้างเว็บเพจ เพื่อจะขยายการใช้เว็บสู่อุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
แต่ยังคงให้เบราว์เซอร์ใช้งานโปรแกรมภาษา HTML ได้เช่นเดิม
|
XHTML
|
ก่อนที่จะมาถึง
XHTML ทาง W3C ผู้พัฒนาเทคโนโลยี
ได้พบข้อจำกัดของ HTML จึงได้สร้างภาษามาตรฐานใหม่
ชื่อว่า XML สามารถใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม
ต่อมาเมื่อมีความต้องการให้การเขียนเว็บเพจมีรูปแบบที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น
จึงได้รวบรวมคำสั่ง HTML
4.0 กับมาตรฐานของ XML เข้าไว้ด้วยกันเกิดเป็นภาษา
HTML ที่มีกฎระเบียบมากยิ่งขึ้น และตั้งชื่อใหม่เป็น
XHTML (Extensible HyperText Markup Language)
คำสั่งต่าง ๆ ใน XHTML ยังสามารถใช้คำสั่งในภาษา
HTML 4.0 ได้
แต่มีการเพิ่มคำสั่งใหม่และการจัด
ระเบียบการใช้คำสั่งให้มีความแน่นอนมากยิ่งขึ้น
|
ลักษณะของภาษา HTML
|
องค์ประกอบของภาษา
HTML สามารถแบ่งออกได้
2 ส่วน คือ
1.ส่วนที่เป็นข้อความทั่ว ๆ ไป 2.ส่วนที่เป็นคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของข้อความที่แสดง ซึ่งเราเรียกคำสั่งเหล่านี้ว่า แท็ก (Tag) โดยแท็ก หรือคำสั่ังของภาษา HTML จะอยู่ในเครื่องหมาย < > ซึ่งมีหลักในการเขียนดังนี้ |
หลักในการเขียนคำสั่งหรือแท็กในภาษา HTML
|
1.รูปแบบแท็กจะแยกออกเป็น
2 ส่วน
คือแท็กเริ่มต้น เรียกว่า "แท็กเปิด" และส่วนจบของแท็ก เรียกว่า
"แท็กปิด" แท็กปิดจะต้องมีเครื่องหมาย Slash (/) ดังนี้ <แท็กเปิด>ข้อความ......</แท็กปิด> เช่น <title>ข้อความที่ต้องการให้ปรากฎในแถบหัวเรื่อง </title> |
2.บางแท็กอาจไม่ต้องมีแท็กปิดก็สามารถใช้งานได้
เช่น คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่ <br>
|
3.เราสามารถพิมพ์ตัวอักษรเป็นตัวเล็ก
หรือใหญ่ก็ได้ (เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป) เช่น
<HTML>,<Html>,<html> จะมี
ความหมายเหมือนกัน แต่แนะนำให้ใช้ตัวอักษรตัวเล็กทั้งหมด เพื่อรองรับกับมาตรฐานของ XHTML ต่อไป |
4.บางแท็กจะมีตัวกำหนดคุณสมบัติ
ที่เรียกว่า แอตทริบิวท์ (Attribute) และมีค่าที่ถูกกำหนดให้ใช้ในแท็ก (Value)
โดยจะเขียนไว้หลังแท็ก เช่น <hr width=600 size=5> แท็ก hr เป็นการกำหนดเส้นขั้นทางแนวนอน แอททริบิวต์ width กำหนดคุณสมบัติความยาวของเส้น แอททริบิวต์ size คือการกำหนดความหนาของเส้น ค่าที่กำหนดให้ใช้ 600 เป็นค่าความยาวของเส้น ค่าที่กำหนดให้ใช้ 5 คือเส้นมีความหนา 5 จุด (Pixel) |
|
โครงสร้างพื้นฐานของภาษา HTML มีดังนี้
|
โครงสร้างของภาษา HTML ประกอบด้วย
3 ส่วน คือ
1. ส่วนที่กำหนดให้เว็บเบราว์เซอร์ทราบว่าเป็นแฟ้มข้อมูลชนิด HTML ซึ่งจะมีแท็ก <html>…</html> กำกับอยู่ที่จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของแฟ้มข้อมูล 2. ส่วนหัวเรื่อง (Head) เป็นส่วนที่กำหนดให้แสดงข้อความที่แถบหัวเรื่องของหน้าเว็บเพจนั้น ๆ เช่น แท็ก <title>....</title> และเก็บแท็กพิเศษอื่น ๆ 3. ส่วนเนื้อหา (Body) เป็นส่วนที่แสดงเนื้อหาของเว็บเพจทั้งหมดซึ่งประกอบด้วย ข้อความและแท็กต่าง ๆ เช่น แท็กสำหรับจัดการกับรูปแบบของข้อความตาราง รูปภาพ กราฟิกต่างๆ สีของตัวอักษร สีพื้น เป็นต้น |
ความหมายของคำสั่ง หรือแท็กต่างๆ
ในโครงสร้างของภาษา HTML
(ซึ่งต้องมีคำสั่งหรือแท็ก 4 ส่วนนี้เป็นหลักในเว็บเพจทุก ๆ หน้า) |
<html>
..... ..... </html> |
หมายถึง แสดงถึงจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของภาษา HTML
|
<head>
..... ..... </head> |
หมายถึง กำหนดรายละเอียดส่วนหัวเอกสาร HTML เช่น
<title>......</title>
|
<title>...</title>
|
หมายถึง กำหนดชื่อเว็บเพจในแถบหัวเรื่อง
หรือที่เรียกว่าไตเติ้ลบาร์ ของหน้าต่างเว็บเพจ
|
<body>
.... </body> |
หมายถึง
ส่วนที่มีไว้สำหรับให้ผู้เขียนเว็บเพจใส่คำสั่งหรือแท็กต่าง ๆ
บางครั้งอาจเรียกว่า "โค้ด" (Code) เช่น
คำสั่งแสดงรูปภาพ, การกำหนดสีตัวอักษร, การทำอักษรวิ่ง, การสร้างตาราง, การทำชุดเชื่อมโยง
เป็นต้น
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น